วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550







    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควร
มีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติ
ขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
                มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
                มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
                มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า
                อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
                 “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่งหรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์
ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรม
ทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
                “ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึง
แหล่งกำเนิดต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสาร
ของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
                “ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
                                (๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น
                โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
                                (๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
                “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
                “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
                “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
                มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจ
ออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้


หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
                มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น
มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าว
ไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น
มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
ที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไป
ใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา
ของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
                มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
                                (๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง                 และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
                                (๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์                 หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ                 ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะหรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์
                หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาท
                ถึงสามแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
                มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด
ตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
                                (๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
                อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
                                (๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ                 โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
                                (๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ                 อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
                                (๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ                 ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
                                (๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
                มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
                มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏ
เป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูล
คอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิด
ตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
                มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
                                (๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหาย
ได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
                                (๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหาย
ได้ร้องขอให้ลงโทษจะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร


                                                                          หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
                มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด
ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
                                (๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ
                ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
                                (๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์
                หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
                                (๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครอง
                หรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
                                (๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามี
                การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
                                (๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์
                 ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
                                (๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูล
                 คอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำ
                 ความผิดและสั่งให้บุคคลนั้น| ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
                                (๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูล
                 คอมพิวเตอร์ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
                                (๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิด
                 และผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
                มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้อง
ต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่า
บุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของ
การกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตาม
คำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้า
ในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ  (๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาล
ที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของ
หรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือ
แสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัด
ไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบ
กำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึด
หรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
                มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
                มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
                มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
                มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
                มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
                มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
                มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
                มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
                หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

Cr.http://www.amnathos.go.th/row02.html








วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน





10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน 

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

1. Shangri-la (แชงกรี-ลา)
เมือง แห่งความสงบ ณ ภูเขาหิมาลัย ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง สถานที่ทุกอย่างสวยงาม และอุดมสมบูรณ์ จนทุกคนพูดเหมือนกันว่า Utopia (เมืองในอุดมคติ) เป็นเมืองที่มีแต่ความสุขและสงบ ทุกคนที่อยู่ที่นี่เกือบจะเป็นอมตะทุกคน
แชงกรี-ลา เป็นดินแดนสมมุติที่ปรากฏในนวนิยายเรื่อง Lost Horizon ของ เจมส์ ฮิลตัน นักเขียนชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1933 อาจกล่าวได้ว่าสถานที่นี้เปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน ทำขึ้น เพื่อปลอบ ประโลมจิตวิญญาณของผู้คนที่กำลังสับสนกับชีวิตหลังสงครามโลกครั้ง ที่ 1 โดยหนังสือเล่มนี้ทำให้ชาวโลกรู้จักเมืองแชงกรีลาซึ่งเป็นภาษาธิเบตหมายถึง ทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิต หรือ ดินแดนอีกด้านหนึ่งของโลก หรือ แดนสวรรค์บนโลก
โดยหนังสือได้พรรณนาว่าเป็นดินแดนเร้นลับแห่งใด แห่งหนึ่งในธิเบต และมีความเชื่อที่ว่า นี่คือดินแดนในฝันของมนุษยชาติชุมชนที่สวยงามสงบสุข มีอารยธรรมสูง ไม่มีความรุนแรง ไร้ซึ่งความกังวลใจ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาสูงใหญ่ที่ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี ความสงบ อากาศเย็น และผู้คนมีความเป็นมิตร มีอายุวัฒนะ แต่จะหายไปทันทีถ้าใครออกไปนอกเขตแชงกรีลา
ปัจจุบันชื่อของแชงกรี ลากลายเป็นชื่อเมืองหนึ่งของจีน คือตี๋ชิง(Diqing) อำเภอตี๋ชิง เขตจงเตี้ยน บริเวณตะเข็บรอยต่อของมณฑลยูนนานและทิเบต โดยทางจีนประกาศอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 1997 (โดยศึกษาค้นคว้า ตามคำบรรยายของ เจมส์ ฮิลตัน เทียบกับพื้นที่ต่างๆในประเทศจีนมาร่วมปี)

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน
2.Garden of Eden (สวนอีเด็น หรือ สวนเอเดน)
สวน อีเดน เป็นสถานที่บรรยายไว้ในพระธรรมปฐมกาล ว่าเป็นสถานที่มนุษย์สองคนแรกที่พระเจ้าสร้าง คือ อาดัมและอีฟ นอกจากนั้นมันยังอยู่ในบันทึกจารึกในตำนานของชาวสุเมเรียนด้วยว่าเป็นดินแดน ที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ที่นั่น
สวนที่ ทุกคนไม่ต้องทำอะไร ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด คุณสามารถขี่เสือไปตามแมกไม้ต่างๆได้ อยากนอนที่ไหนก็นอน อาหารก็มีเพียบพร้อม วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร แถมทุกคนที่อยู่ที่นี่ เปลือยหมดทุกคน! (อาจเป็นสวรรค์ของผู้ชาย รึเปล่า?) คงมีเรื่องห้ามอยู่แค่สองเรื่องคือ ห้ามกินแอปเปิ้ล และ อย่าฟังคำพูดของงู
โดย สวนนั้นบรรยายไว้ว่าสวยงามราวกับสวรรค์ สงบสุข มีพืชพรรณอาหารอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์ป่า แม่น้ำใสสะอาด ต้นไพรพฤษาแผ่เงาร่มเย็น แต่ปัญหาคือถ้าสถานที่นี้มีจริง มันจะอยู่จุดไหนของโลกกันแน่ โดยหลายคนเชื่อว่าสวนอีเดนนี้อยู่ในโมโสโปเตเนีย ทางภาคกลาง เนื่องจากบันทึกการสร้างโลกในพระธรรมปฐมกาลได้กล่าวถึงที่ตั้งของสวนอีเด็น ว่าอยู่ในบริเวณแม่น้ำสำคัญสี่สาย คือ แม่น้ำพิชอน แม่น้ำกิฮอน แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำยูเฟรติส (ซึ่งอยู่ในบริเวณประเทศอาร์เมเนีย,ยอดเขาอารารัต,เยเรวาน หรือที่ราบสูงอาร์เมเนีย)
อยู่ในบริเวณประเทศอิรักในปัจจุบัน น่าจะเป็นบริเวณคอเคซัสโบราณโดยเฉพาะบริเวณใกล้กับอาร์เมเนีย แต่ที่ตั้งของแม่น้ำทั้งสี่ยังเป็นที่ถกเถียงกันและยังไม่มีหลักฐานเป็นที่ แน่นอนที่สนับสนุนที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำนอกจากที่กล่าวในพระธรรมปฐม กาลเอง และ วรรณกรรมยิว-คริสเตียนเช่น “จูบิลี” สมมุติฐานอื่นก็ว่าตั้งอยู่ที่เมโสโปเตเมีย ทวีปแอฟริกา หรือ อ่าวเปอร์เซีย สมมุติฐานหลังมาจากหลักฐานของลุ่มแม่น้ำสี่สายที่มาพบกันที่เป็นที่ผลิต ทองคำ และยางไม้หอม ซึ่งตรงกับการพรรณนาการสร้างโลกดังกล่าว

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน
3. Cockaigne
เป็น ดินแดนจินตนาการในตำนานในยุคกลาง ที่เรียกว่าสวรรค์บนดินชัดๆ โดยเล่าว่า เป็นดินแดนที่ไม่มีกฎหมายและไม่มีกฎใดๆ ในเมืองแห่งนี้ มีเสรีภาพทางเพศ มีอาหารการกินอุดมสมบรณ์ทั้งบนดินและบนท้องฟ้า(ฝนตกเป็นชีส) และอากาศที่สบายเหมาะแก่การนอน
โดยเมืองแห่งนี้ปรากฏอยู่ในบันทึก the Latin “Cucaniensis” และ the Middle English “Cokaygne” นอก จากนั้นในประเทศต่างๆ เรียกชื่อเมืองนี้แตกต่างกัน เช่น ดัตช์เรียกเมืองนี้ว่า “ดินแดนแห่งความขี้เกียจ” เยอรมันเรียกเมืองนี้ว่า “ดินแดนแห่งน้ำนมและน้ำผึ้ง” สวีเดนเรียก ดินแดนเพื่อนสันหลังยาวและไขมัน บางประเทศก็เรียก “ดินแดนแห่งอาหาร”
แน่นอนดินแดนแห่งนี้ไม่มีอยู่ จริงในโลกแน่นอน โดยที่มาของเมืองนี้เป็นการสมมุติเมืองแบบยูโทเปียแบบเมืองสวรรค์ ที่ความเกียจคล้ายและการกินเป็นอาชีพหลัก ซึ่งถือว่าเป็นดินแดนในฝันของชาวนายุคกลาง ซึ่งอาชีพชาวนาสมัยนั้นลำบากมากๆ

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

4. Valhalla (วัลฮัลลา)
สวรรค์ วัลฮัลลา เป็นตำนานของสแกนดิเนเวีย ปรากฏในศตวรรษที่ 13 ในกวี Edda ตามตำนานเล่าว่าที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ของชาวนอร์ส (หรือพวกไวกิ้ง) ปกครองโดยพระเจ้าโอดินที่มีคำสั่งให้วาลคิวรี รวบรวม วิญญาณของเหล่านักรบผู้กล้าที่ตายมาในดินแดนแห่งนี้ เพื่อฝึกฝนเตรียมตัวในการทำสงครามแร็คนาร็อก โดยจะมีสัตว์ประหลาดออกมาเพื่อ ต่อสู้ หากชนะก็จะสามารถกินดื่มกันไม่อั้น
ภายในมีอาคารขนาด ใหญ่ที่เรียกว่าวิหารแห่ง นักรบ Valhalla วิหารแห่งนี้มี 540 ประตู ใช้หอกเป็นจันทัน ใช้โล่เป็นหลังคา และใช้แผ่นเกราะตรงหน้าเป็นม้านั่ง นอกจากนั้นยังมีหมาป่าเป็นผู้รักษาประตูทิศตะวันตกและนกอินทรีย์คอยบินโฉบ เฉี่ยวไปมา ที่นี้สามารถดื่มสำราญกันอย่างไม่มีสิ้นสุด หมูที่กินไปหมดแล้วก็มีมาเรื่อยๆ ไม่รู้จักหมด น้ำที่ดื่มเป็นไวน์ที่ดื่มก็ไม่มีพร่อง และเมื่อถึงเวลาสงครามนักรบ 800 คนจะเดินสวนสนามออกไปทางแต่ละประตู (ดินแดนแห่งนี้ปรากฏในการ์ตูนเรื่องการผจญภัยของบิลลี่กับแมนดี้)  เป็น สวรรค์สำหรับนักรบอย่างแท้จริง


10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

5. Beimeni (น้ำพุแห่งความวัยเยาว์ )
ที่ นี่คือสถานที่ที่มีน้ำพุแห่งชีวิตซึ่งบำรุงผิวพรรณและทำให้ไม่แก่ลง เพราะฉะนั้น ที่นี้ คุณจะไม่มีวันแก่ มีรอยเหี่ยว แต่จะเป็นหนุ่มเป็นสาวไปตลอดชีวิต
น้ำพุแห่งความวัยเยาว์ เป็นเรื่องเล่าของนักสำรวจสเปน ที่ได้พบเห็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งผู้ใดได้ดื่มกินจะกลับเป็นหนุ่มสาวได้ โดยเรื่องนี้เริ่มขึ้นเมืองนักสำรวจสเปนชื่อดังนามฮวน ปองเซ เดอ ลีอองต้องการเดินทางไปในดินแดนแห่งใหม่คืออเมริกา ระหว่างทางเขาได้ยินชาวพื้นเมืองที่กล่าวถึงน้ำพุนี้อย่างน่าสนใจ เขาเลยออกตามหา โดยสถานที่แรกที่ไปคือบริเวณที่ตั้งของรัฐฟลอริด้าในปัจจุบัน ไปจนถึงเกาะแห่งหนึ่งคือเกาะบิมินี่
แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นน้ำพุ ที่ว่านี้ด้วยตาของตนเองเลยชั่วชีวิต แต่เขาก็เชื่อว่ามันมีอยู่จริง จึงนำเรื่องของมันเล่าแก่เพื่อนๆ นักเดินเรือจนเป็นที่แพร่หลายแก่หมู่นักเดินเรือชาวสเปนในยุคสำรวจโลกในเวา ต่อมา ปัจจุบันน้ำพุแห่งวัยเยาว์กล่าวเป็นศัพท์ที่ที่อุปมาเกี่ยวกับแนวทางการค้น หาชีวิตที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์ยืนยาวในทางวิทยาศาสตร์

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

6. Avalon (อวาลอน)
อวาลอน (คาดว่ามาจากคำในภาษาเคลติก abal หมายถึง แอปเปิ้ล) เป็นเกาะและเมืองในตำนานกษัตริย์อาเธอร์ ได้เชื่อว่าเป็นเมืองที่กษัตริย์อาเธอร์อยู่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ปรากฏ ครั้งแรกในวรรณกรรมของเจฟฟรีย์แห่งมอนมอธ ในบันทึกประวัติศาสตร์จำลอง ฉบับ ค.ศ. 1136 เรื่อง Historia Regum Britanniae (“ประวัติกษัตริย์แห่งบริเตน”)
ในตำนานเล่าว่าในที่ แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งแอปเปิล มีที่สวยงามและอร่อยที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่สร้างดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของกษัตริย์อาเธอร์ และเป็นที่ซึ่งอาเธอร์ใช้รักษาแผลบาดเจ็บจากการรบ หลังจากการศึกครั้งสุดท้ายที่คัมลานน์
นอกจากนั้น ในตำนานของชาวคริสต์ ช่วงที่พระเยซูฟื้นจากความตาย ได้บอกกับโจเซฟว่า เขาจะไปยังที่อวาลอนแห่งนี้ ซึ่งความจริงแล้วบนโลกของเรามีชื่อเกาะอวาลอนอยู่จริง ในประเทศอังกฤษ ซึ่งในปีค.ศ.1911 นักบวชที่วิหารกลาสตันเบอรี่ ในซอมเมอร์เซต บน พบพระศพของกษัตริย์และราชินีคู่หนึ่ง ต่อมาประกาศว่าเป็นพระศพของกษัตริย์อาเธอร์และราชินีของพระองค์ ทางพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 จึงโปรดให้จัดพิธีฝังพระศพขึ้นใหม่เพื่อเป็นสัญลักษณ์อันดีงามและเป็นความ ฝันของชาวอังกฤษ หากแต่ในเวลาต่อมาก็พบว่ามันเป็นของปลอม และเกาะอวาลอนที่แท้จริงนั้นก็ยังไม่มีใครทราบว่ามันอยู่ที่ใดกันแน่ (เกาะอวาลอนปรากฏอยู่ในการ์ตูนหลายเรื่อง หนึ่งในคือการ์ตูนมหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์)

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

7. El Dorado (นครทองคำ)
เป็น ภาษาสเปนเดิมมีความหมายว่า “มนุษย์ทองคำ” แต่กในเวลาต่อมาก็เปลี่ยนเป็น “นครทองคำ” ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำและอัญมณีที่มีค่า เป็นสถานที่ที่ตกแต่งด้วยทอง ทุกอย่างทำด้วยทอง แม้แต่การประกอบพิธีกรรมหัวหน้าเผ่าจะต้องเปลือยกายลงไปชุบตัวในบ่อทอง แล้วจึงจะประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ได้ ซึ่งพอตกค่ำหัวหน้าเผ่าก็จะชำระร่างกายไปกับกระแสน้ำเพื่อพัดเอาทองออกไป คิดดูว่าใช้ทองได้สิ้นเปลืองกันขนาดนี้ ถ้าได้อยู่ที่นี่เอาทองไปขาย ท่าทางจะไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว
ในตำนานเล่าว่าเรื่องของนครทองคำนี้มาจากอินเดียแดงเผ่าชิบชาเชื้อสายมูอิส กา บนเทือกเขาแอนดีส เมืองแห่งนี้ทุกบ้านตกแต่งด้วยทอง ทุกอย่างทำด้วยทอง แม้แต่พิธีกรรมสำคัญของพวกเขาอย่างพิธีบวงสรวงเทวีแห่งทะเลสาบกัวตาวีตา กษัตริย์มูอิสกาจะต้องทาตัวด้วยยางไม้จนทั่วแล้วลงไปเกลือกในผงทองแล้วโดดลง ในน้ำในทะเลสาบล้างผงทองตามตัว แล้วโยนเครื่องทองและอัญมณีลงทะเลสาบ
โดย ประเพณีดังกล่าวถูกยกเลิกในปี 1500 แต่มันก็ได้กระตุ้นให้มันก็ได้กระตุ้นให้นักสำรวจชาวสเปนและชาวยุโรปเข้ามา สำรวจและยึดคลองดินแดนหลายแห่งในทวีปอเมริกาใต้(รวมไปถึงการปล้นทองคำจากชาว พื้นเมืองหลายพื้นที่) แม้แต่โคลัมบัสก็เคยได้ยินเรื่องนี้และพยายามตามหาเหมือนกัน (เมื่อปี 1502) โดยคาดว่านครทองคำนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำโอรีโนโก ในเวเนซุเอลา ใช้เวลาเดินทาง 10 วัน แต่ก็ล้มเหลว
ต่อมาก็มีนักสำรวจหลายคนพยายาม ค้นหานครที่ว่านั้นในอเมริกาใต้ โดยครอบคลุมถึงแม่น้ำอเมซอนเลยทีเดียว หากแต่คนที่รอดกลับมานั้นมีไม่กี่คน และชื่อของเอลโดราโดก็อยู่ในนิยายและวรรณกรรมหลายเรื่อง นอกจากนั้นยังถูกตั้งเป็นชื่อเมืองและสถานทีในอเมริกาใต้และอเมริกาหลายแห่ง เช่น เอลโดราโดเคาน์ตีในแคลฟอร์เนียและรัฐอาร์คันซอ

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

8. ตำนานป่าหิมพานต์
ตาม ตำนานกล่าวไว้ว่าป่าหิมพานต์ตั้งอยู่บนเขา หิมพานต์ หรือหิมาลายา (หิมาลัย) คำว่า “หิมาลายา” นั้นเป็นคำที่ มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตซึ่งแปลว่าสถาน ที่ๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ภูเขาหิมพานต์ประดิษฐานอยู่ในชมพูทวีปมีเนื้อที่ ประมาณ ๓,๐๐๐ โยชน์ วัดโดยรอบได้ ๙,๐๐๐ โยชน์ ประดับด้วยยอด ๘๔,๐๐๐ ยอด
มี สระใหญ่ ๗ สระคือ ๑ สระอโนดาต ๒ สระกัณณมุณฑะ ๓ สระรถการะ ๔ สระฉัททันตะ ๕ สระกุณาละ ๖ สระมัณฑากิณี ๗ สระสีหัปปาตะ บรรดาสระใหญ่ทั้ง ๗ นั้น สระอโนดาตแวดล้อมไปด้วยภูเขาทั้ง ๕ ที่จัดเป็นยอดเขาหิมพานต์ ยอดเขาทุกยอด มีส่วนสูงและสัณฐาน ๒๐๐ โยชน์ กว้างและยาวได้ ๕๐ โยชน์ สวรรค์ของคนชอบว่ายน้ำจริงๆ!

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

9. Utopia (ยูโทเปีย)
ยูโทเปีย เป็นแนวคิดเมืองในอุดมคติที่ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงบนโลกของเราได้ โดยแนวคิดนี้เป็นของ โทมัส มอร์ นักปรัชญามนุษยนิยมชาวอังกฤษ เขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1516 โดยตั้งใจเขียนเป็นวรรณกรรมเสียดสีล้อเลียนความโง่เขลาและความเลวร้ายของ สังคมในสมัยนั้น
โดย สมมุติเมืองหนึ่งที่ผู้คนเป็นคนดีมีศิลธรรมและความพึงพอใจในการใช้ชีวิต ไม่ให้ความสำคัญกับวัตถุ เห็นเงินทองเป็นสิ่งหยาบช้า ไม่มีค่า ในเมืองไม่มีกฎหมายออกมาบังคับประชาชนมากมาย พวกเขาอยู่ร่วมกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายคล้ายคลึงกัน เสื้อผ้าแต่ละชุด ใช้ทนทานนานถึงเจ็ดปี และผู้คนในระดับผู้ปกครองก็ไม่มีสิ่งบ่งบอกด้วยวัตถุใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ หรือสิ่งประดับที่ชี้ให้เห็นว่าแตกต่างจากประชาชนอื่นๆ
บ้าน เรือนทุกบ้านเป็น สวนปลูกดอกไม้ ผลไม้หรือพืชผัก ไม่มีกลอนหรือกุญแจบ้าน เพราะไม่จำเป็น และความเป็นอยู่ไม่ขัดสน อยู่ดีกินดีมาก ไม่มีการแก่งแย่งกัน และชาวเมืองต่างทำงานตามหน้าที่โดยไม่เกรียจคร้าน ไม่มีร้านเหล้า ไม่มีการพนัน หรือสิ่งยั่นยุอื่นๆ ความบันเทิงคือการศึกษาหาความรู้ เรียกได้ว่าเป็นสังคมอุดมคติอย่างแท้จริง

10 อันดับดินแดนมหัศจรรย์ในตำนาน

10. Atlantis (แอตแลนติส)
แอตแลนติส เป็นเมืองเกาะในตำนานที่ปรากฏในหนังสือของเพลโตนักคิดแห่งกรุงเอเธนส์ ที่เขียนราว 400 ปีก่อนคริสตกาล
ใน บทสนทนาระหว่าง “ทิมาอีอุส” กับ “ไครติอัส” โดยไครติอัส ที่พรรณนาเมืองแห่งนี้ว่า เป็นเมืองที่ปปกครองโดยกษัตริย์ปกครองแผ่นดินที่มีมหานครบนกลางเกาะ และในใจกลางนครมีหมาราชวังและวิหารที่ยิ่งใหญ่ของเทพโพไซดอน
ดินแดนแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้สีเขียวทุกหนแห่ง อากาศที่แสนวิเศษ ทำให้ผลไม้สุกปีละสองครั้ง ในแผ่นดินมีช้าง และสัตว์อื่นๆ มากมาย ทั้งสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง ที่เมืองก็เจริญมั่งคั่งทั้งมีน้ำพุร้อนและเย็นสำหรับอาบ เป็นน้ำพุประดับ สวนสาธารณะและสวนผลไม้ มีที่สำหรับออกกำลังกายสำหรับบุรุษและม้า สนามม้าแข่งขนาดใหญ่ โรงทหาร ห้องคนเฝ้ายาม อู่เรือ ท่าเรือ เต็มไปด้วยเรือสิน ค้าและเรือทหาร ผู้คนเคารพกฎหมาย กษัตริย์ของพวกเขาก็ปกครองอย่างชาญฉลาดและยุติธรรม
หากต่อมาพวกเขา ต่างละโมบโลภมากและทะเยอทะยานจนเป็นเหตุทำให้ ซุส กษัตริย์แห่งทวยเทพโกรธเป็นอย่างมากเลยบันดาลให้เกิดมหันตภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหวและน้ำท่วมใหญ่ ทั้งวันและคืนที่โหดร้าย แผ่นดินแยกและกลืนกินชีวิตนักรบของเอเธนส์ทั้งหมด ในขณะที่เกาะยิ่งใหญ่แห่งแอตแลนติสก็จมหายไปในทะเลไปตลอดกาล ปัจจุบันยังมีมีการค้นหาเมืองแอตแลนติสแห่งนี้เนื่องจากเชื่อว่ามีอาวุธ โบราณร้ายแรงอยู่ที่นั่น โดยคาดว่าอาจอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพราะนักประดาน้ำบางคนพบขุมทองบริเวณนั้นนั่นเอง


                           Cr.http://teen.mthai.com/variety/78111.html